ผู้บริหาร Orange เผย iPad และ iPhone รุ่นใหม่ใช้ sim ใหม่ที่เล็กกว่าเดิมแน่นอน

ข่าวจาก Reuter แจ้งว่า ผู้บริหาร Orange ออกมาเปิดเผยว่า Apple เสนอกับทาง ETSI ให้พิจารณามาตรฐาน SIM ใหม่ที่มีขนาดเล็กแบบไม่เคยมีมาก่อน เพื่อให้สามารถออกแบบอุปกรณ์ตระกูล iDevice ให้บางและเล็กลงกว่าเดิมได้

โฆษกของ ETSI (European telecoms standards) ออกมายืนยันว่าทาง Apple ได้ยื่นขอมาตรฐานของ SIM card ใหม่จริง แต่ยังไม่มีการตัดสินเรื่องการนำไปใช้จริงในตอนนี้ (โดยคร่าวๆแล้ว การตัดสินใจนำไปใช้จริงจะใช้เวลาปีกว่าๆ นั่นหมายความว่าเราอาจจะเห็นโคตร Micro SIM ใน iPhone 5 ก็ได้ เพราะ iPhone4S คงไม่ทันแน่นอน)

โดยทั่วไป process ในการตัดสิน standard ใหม่จะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 ปี และจะนานกว่านั้นถ้ามีกรรมการที่มาจากผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมนี้ค้าน อย่างไรก็ตามถ้าบอร์ดคณะทำงาน Standard ที่มาจากบริษัทต่างๆมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าจะไป standard ใหม่ (ยากมากนะนั่น) ระยะเวลาในการพิจารณาอาจลดลงจากหน่วย “ปี” เป็นหน่วย ”เดือน“ เลยก็ได้

และข่าวอย่างไม่เป็นทางการระบุไว้ว่า Orange และผู้ให้บริการเจ้าอื่นๆพร้อมที่จะตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ โดยทางผู้บริหาร Orange ระบุเพิ่มเติมอีกว่า ทาง Orange รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทาง Apple แจ้งความต้องการ standard SIM ไซส์เล็ก แบบที่เล็กกว่าที่ใช้กับ iPhone 4 ในปัจจุบัน และ Orange เชื่อว่า SIM card นี้จะสามารถนำมาใช้ได้ในปีหน้าในกรณีที่ได้ถูกตั้งเป็น standard ใหม่ และผู้ให้บริการทุกๆเจ้ายินดีที่จะให้บริการ SIM ใหม่นี้แน่นอน

วิธีเลือกซื้อ iPad2 ให้เหมาะกับคุณ

กระแสข่าว iPad2 มาแรงมากครับ (จนอยากเปลี่ยนชื่อ blog เป็น iPad4you ให้รู้แล้วรู้รอดไป) ตอนนี้เครื่องหิ้วจากแดนไกลคงมาถึงสยามประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ราคาก็เหมือนบินไปซื้อด้วยตัวเองกันเลยทีเดียว (+ค่าเครื่องบินของคนหิ้วไปด้วย)


เมื่อเป็นเช่นนี้ ก่อนที่ทุกท่านเราชาว IT จะตัดสินใจซื้อเครื่องหิ้ว ผมขอแนะนำดีกว่าว่ารุ่นไหน spec อะไร เหมาะกับท่านมากที่สุด

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ถ้าท่านไม่พำนักอยู่ที่ starbuck เป็นกิจวัติ หรือมี Wi-Fi ให้ใช้ฟรีจากที่ทำงาน หรือหอพักข้างบ้าน iPad Wi-Fi คงไม่ค่อยเหมาะกับท่านมากนัก หรือถ้าท่านไม่ได้อยู่ใจกลางเมือง หรือตามจังหวัดใหญ่ที่มีให้ลอง test 3G ผมว่า iPad 3G น่าจะเป็นทางเลือกสุดท้ายที่ท่านควรซื้อ

3G เหมาะกับท่านหรือเปล่าล่ะครับ?
อย่างที่แจ้งไปตอนแรก คงต้องมาสำรวจพฤติกรรมของท่านก่อนว่าท่านมักจะใช้ iPad ของท่านที่ไหน อย่างที่ทราบกันดี 3G ในไทยยังมีไม่ทั่วครับ ถ้าปกติแล้วท่านใช้งาน iPad2 3G ของท่านในที่ที่ไม่มีสัญญาณ 3G เลย การซื้อรุ่น 3G อาจไม่คุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป

แล้วใครล่ะครับที่เหมาะกับ 3G ก็ต้องขอสรุปดังนี้ครับ
1. ท่านต้องการการสื่อสารตลอดเวลา แม้ในที่ที่ไม่มี Wi-Fi เช่น รถไฟฟ้าใต้ดิน หรือบนรถเมล์ (ปล.จะขับเร็วไปไหน)
2. ท่านต้องการเข้าถึง internet เมื่อท่านพักผ่อนหย่อนใจ กลางสวนสาธารณะที่อยู่ใจกลาง กทม.
3. ผู้ที่แถวบ้านท่านไม่มี Wi-Fi เลย (บ้านเพื่อนผมอยู่ใน กทม. ไม่มีสาย internet เข้า ถ้าจะติด adsl ต้องลงทุนจ่ายค่าเดินสายจากปากทางจนถึงบ้านมัน!? ให้กับ internet provider มีแบบนี้ด้วยเหรอ)

หรือถ้าท่านไม่มีความจำเป็นแบบข้างบน ผมว่าท่านใช้รุ่น Wi-Fi ก็น่าจะเพียงพอนะครับ

Black vs White?
หลายท่านคงนึกในใจ นี่มันเป็นความชอบส่วนบุคคล iPad2 ขาวหรือดำมันก็ slide ได้เหมือนกันแหละน่า (ท่อนนี้คุ้นๆแฮะ) จริงครับ แต่ที่ Gizmodo เคยมีบทความเขียนออกมาประมาณว่า iPad2 สีขาว โทนสีมันดูเย็นกว่า iPad2 สีดำ และการอ่านบทความ website ที่พื้นหลังของ iPad2 เป็นสีขาวจะทำให้ดูเข้ากันได้กับขอบสีขาวมากกว่า เอาเป็นว่าท่านใดอยากอ่านบทความนี้ ตาม link นี้ไปได้เลยครับผม Article.

 ความจุล่ะ?
แน่นอนครับ ถ้าท่านชอบดูหนัง ฟังเพลง ครื้นเครงกับเกมส์นกยิงหมู (หรือเกมส์อื่นๆ) ท่านก็คงอยากได้ความจุเยอะๆ อยู่แล้ว โดยเฉพาะสมัยนี้ มีคนใช้ iPad ในการนำเสนอผลงานด้วย ดังนั้นยิ่งจุเยอะก็ยิ่งนำเสนอผลงานได้เยอะหว่า จริงไหมครับ? แต่ถ้าท่านใช้เล็กๆน้อยๆ ไม่ลง App เยอะมากนัก ความจุเล็กใหญ่คงไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้วล่ะครับ ซื้อเล็กดีกว่าครับ 

มาถอดชิ้นส่วน iPad2 กันดีกว่า

หลังจากที่ iPad2 เปิดตัวไปไม่นาน ทาง web iFixIt ก็ได้ทำการถอดชิ้นส่วนของ iPad2 ออกทีละชิ้นๆ เอาเป็นว่าเรามาดูกันดีกว่าว่าข้างในมีอะไรบ้าง

และที่ขาดไม่ได้ ขอขอบคุณ web iFixIt สำหรับการชำแหละเครื่องสุดไฮเทคให้พวกเราได้ชมกันครับ ถ้าใครอยากดูบทบรรยาย และอุปกรณ์ชำแหละ ก็ตาม link นี้ไปเลยครับ http://www.ifixit.com/Teardown/iPad-2-Wi-Fi-Teardown/5071/1

ปล. ถ้าท่านยังไม่มีเครื่อง iPad2 จากคนที่ท่านฝากหิ้วมา ขอแนะนำให้เริ่มบรรเลงเพลงแกะชิ้นส่วนกับ iPhone ของท่านก่อนครับ

สาวก Apple ต่อแถวยาวเพื่อเข้าซื้อ iPad2

 iPad2 Tablet PC รุ่นล่าสุดของ Apple ที่เปิดวางจำหน่ายในบ่ายวันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2554 ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นขากเหล่าสาวกท่านศาสดาที่ต่อแถวรอบูชาสินค้าใหม่นอกร้าน Apple Store

บริษัท Cupertino ได้เปิดขายiPad 2 online เมื่อตี 4 ที่ผ่านมาตามเวลาตะวันออก (ของประเทศอเมริกา) ดีก่อนที่จะตั้งขายที่ร้านร้าน (สาขาฝั่งตะวันออก) ตอน 5 โมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่ถูกกำหนดให้วางขายทั่วประเทศในเวลาเดียวกันทุกที่ทั่วอเมริกา (แล้วไทยล่ะ? ผมก็อยากได้เหมือนกันนะครับ ท่านศาสดา)

ซึ่งในครั้งนี้ เหล่าสาวกนักบริโภค apple ได้พร้อมใจกันมาต่อคิวรอซื้อสินค้าที่ Apple Fifth Avenue store โดยผู้เข้าคิวเดินทางมาจากหลากหลายที่ทั่วโลก ตั้งแต่ญี่ปุ่น และรัสเซีย และพวกเขาเหล่านี้จะมั่นใจได้เลยว่าจะได้ใช้ iPad2 ก่อนที่ใดในโลก (นอกประเทศสหรัฐอเมริกา) เป็นเวลาสองสัปดาห์

จากสถิติแล้ว รุ่นต้นฉบับของ iPad เปิดตัวมานาน 11 เดือน ทาง Apple กล่าวว่ามันขายได้มากกว่า 300,000 ตัวในวันแรก และเมื่อสิ้นสุดการขายพบว่าสามารถจำหน่ายได้มากกว่า 15 ล้านตัว ใน 9 เดือนแรก

และหลังจากการเปิดตัวสหรัฐวันศุกร์ที่ผ่านมา iPad2 จะวางจำหน่ายในเม็กซิโก, นิวซีแลนด์, สเปนและประเทศยุโรปอื่น ๆ ในวันที่ 26 มีนาคมนี้

ก่อนจากกันทิ้งท้ายด้วยภาพความประทับใจของหนุ่มสาวสาวกชายเสื้อดำกางเกนยีนส์หลังจากได้ iPad2 ไปเชยชมครับ

เปิดตัว iPad2 มาเทียบ spec กับ iPad กันดีกว่า

ตอนนี้ (วันที่ 3/3/2011) ข่าวที่ร้อนแรงที่สุดมากกว่าข่าวใดในวงการ IT คงหนี้ไม่พ้นการเปิดตัว iPad2 IT Gadget แห่งยุคที่ทุกคนรอคอย (รวมทั้งผมด้วย อิๆ) มาวันนี้จะมาขอสรุปข้อมูลของ iPad2 ให้เพื่อนๆได้ทราบกันครับ

ครั้งนี้ท่านศาสดา Steve Job ได้มาเปิดตัวของ iPad ด้วยตัวเอง และระบุ Spec ของ iPad2 ดังนี้ครับ

• CPU : A5 1Ghz Dual-core (ตัวใหม่ ไฉไลกว่าเก่า)
• ความสูง : 9.50 นิ้ว
• ความกว้าง : 7.31 นิ้ว
• ความหนา : 8.8 มิลลิเมตร (บางกว่าเดิม 33% และบางกว่า iPhone ด้วย)
• น้ำหนัก : 1.34 ปอนด์ 
• กล้อง : ด้านหน้า + ด้านหลัง (ศาสดาให้มาใช้ Face time ถูกใจชาว IT เขาล่ะ)
  Video recording : HD (720p) up to 30 frames per second with audio; still camera with 5x digital zoom
• หน้าจอ : 9.7 นิ้ว LED-backlit glossy widescreen Multi-Touch display ด้วย IPS technology
• ความละเอียด : 1024-by-768-pixel resolution at 132 pixels per inch (ppi)
  รองรับ Wi-Fi (802.11a/b/g/n), Bluetooth 2.1 + EDR technology,GSM,CDMA(แยกรุ่น)
  Fingerprint-resistant oleophobic coating
• Battery : อยู่ได้ 10 ชั่วโมง บน Wi-Fi และ 9 ชั่วโมง บน 3G
• Sensor : Three-axis gyro,Accelerometer,Ambient light sensor

ดู spec ไปแล้ว มาดูรูปกันดีกว่าครับ

ศัพคุณ A5 แรงสุดๆ ชาบูอูรา กันเลยทีเดียว

 

เทียบกับ iPhone กันจะๆ

เบากว่ารุ่นพี่อย่างเห็นได้ชัด

 บางกว่านะครับ

สรุป
ดูจากข้อมูลแบบนี้ สาวก IT Gadget ไม่ควรพลาดอย่างแรง เพราะปัญหาด้านน้ำหนักที่มากเกินจะถือมือเดียว กับเรื่องไม่มีกล้องถูกตัดไปแล้ว ยิ่งมี CPU เร้วขึ้นทำให้ interface ที่แต่เดิมลื่นอยู่แล้ว เร็วกว่าเดิมยิ่งขึ้นครับ ถ้าใครมีแผนจะซื้อ iPad แล้วยังรอได้ ผมแนะนำให้รอ iPad2 ดีกว่าครับ ดีกว่าเยอะ